ค้นหา
ไทย
สินค้าตามประเภท
    เมนู ...ปิด
    RSS

    แสดงบทความเกี่ยวกับ direct thermal

    สติ๊กเกอร์ Thermal Transfer กับ Direct Thermal ต่างกันอย่างไร
    ความคิดเห็น (0) สติ๊กเกอร์ Thermal Transfer กับ Direct Thermal ต่างกันอย่างไร

    สติ๊กเกอร์แบบ Thermal Transfer คือเมื่อความร้อนจากหัวพิมพ์ถ่ายโอนไปยังริบบอน วัสดุหรือหมึกบนริบบอนจะย้ายไปติดยังสติ๊กเกอร์บาร์โค้ด (Barcode label) การพิมพ์แบบโอนถ่ายความร้อนผ่านผ้าหมึกยังลดแรงเสียดทานของหัวพิมพ์กับสติ๊กเกอร์บาร์โค้ด เนื่องจากหัวพิมพ์ไม่ต้องสัมผัสกับเนื้อสติ๊กเกอร์โดยตรงจึงช่วยยืดอายุของหัวพิมพ์ การพิมพ์แบบใช้ริบบอน ยังสามารถเลือกใช้ริบบอน และสติ๊กเกอร์บาร์โค้ดหรือลาเบล (Barcode Label) ได้หลากหลายชนิดอีกด้วย

    ข้อได้เปรียบ ข้อเสียเปรียบ
    • ภาพที่พิมพ์ออกมาสามารถเก็บไว้ได้นาน
    • ภาพที่พิมพ์ออกมาสามารถทนความร้อนและแสงแดดได้
    • มีริบบอนที่เป็นสี
    • หัวพิมพ์จะมีอายุการใช้งานที่นาน
    • มีวัสดุฉลากให้เลือกหลายประเภท
    • วัสดุบางชนิดสามารถทนทานต่อสารเคมีได้ดี
    • ต้องมีการเปลี่ยนริบบ้อน
    • การที่มีสารเคมีเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการพิมพ์
      หมายความว่าจะต้องใช้เวลาในการหยุดงานมากขึ้นและอาจจะมีการเสีย
    • คุณภาพในการพิมพ์อาจจะลดลง
    • หากตัวฉลากกับริบบอนไม่สามารถเข้ากันได้
    • ถ้าหากใช้ริบบอนผิดประเภทอาจจะทำให้เกิดปัญหาในการพิมพ์

     

    สติ๊กเกอร์แบบ Direct Thermal การพิมพ์แบบใช้ความร้อนโดยตรง คือการพิมพ์แบบหัวพิมพ์สัมผัสกับผิวหน้ากระดาษสติ๊กเกอร์โดยตรง ไม่ต้องใช้ริบบอน โดยผิวหน้าของสติ๊กเกอร์ จะเคลือบสารเคมี เมื่อโดนความร้อนจะเปลี่ยนเป็นสีดำ เพราะเหตุนี้จึงไม่จำเป็นต้องใช้ริบบอน วิธีการพิมพ์แบบนี้อาจดูเหมือนจะประหยัดเพราะไม่จำเป็นต้องซื้อริบบอน แต่วิธีการแบบนี้จะส่งผลให้หัวพิมพ์เสียเร็วกว่าการพิมพ์แบบถ่ายโอนความร้อนผ่านริบบอน เนื่องจากหัวพิมพ์ต้องสัมผัสกับผิวเนื้อกระดาษโดยตรง ผิวเนื้อกระดาษที่หยาบจะทำให้หัวพิมพ์เสียเร็วขึ้น ข้อเสียในการพิมพ์ Direct Thermal ก็คือว่าสติ๊กเกอร์บาร์โค้ดจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองตลอดเวลาและงานพิมพ์จะจางหายไปสีเทาจางๆ ฉลากที่พิมพ์แล้วมีอายุประมาณ 6 เดือน

     

    ข้อได้เปรียบ ข้อเสียเปรียบ
    • ใช้งานง่าย ไม่ต้องใส่ริบบอน หรือ ไม่ต้องแก้ปัญหาเกี่ยวกับริบบอน
    • ไม่มีปัญหาเกี่ยวกับรอยย่นของริบบ้อน
    • ไม่ต้องประสบปัญหาทางด้านกลไกต่างๆ รวมทั้งกลไกริบบอน
    • ลดสต๊อกของในคลังสินค้าเพราะไม่ต้องสต๊อกริบบ้อน
    • ขจัดปัญหาเรื่องฉลากกับริบบ้อนไม่เข้ากัน
    • ไม่ต้องระสบปัญหาการกำจัดริบบอน
    • ความเร็วในการพิมพ์ต่ำ
    • อายุการใช้งานของหัวพิมพ์น้อย
    • กระดาษจะเหลืองลงหากเก็บไว้นาน
    • กระดาษจะดำมากหาก โดนแสงแดดหรือโดนความร้อนมากเกินไป
    • พื้นผิวพิเศษ (เช่นแผ่นฟิล์ม) อาจมีราคาแพง
    • มีวัสดุให้เลือกน้อย
    • ความทนทานต่อสารเคมีต่ำ
    • สติ๊กเกอร์บาร์โค้ด แบบ Direct Thermal คือ สติ๊กเกอร์ที่เคลือบสารเคมีไว้ด้านหน้า ใช้ระบบถ่ายเทความร้อนผ่านหัวพิมพ์ลงบนสติ๊กเกอร์ เป็นวัสดุจำพวกกระดาษคล้ายกับกระดาษแฟกซ์
    • ลักษณะงานที่นำไปใช้ : การนำสติ๊กเกอร์บาร์โค้ด แบบ Direct Thermal มาประยุกต์การใช้งาน ใช้กับงานที่ไม่ต้องการความคงทน ใช้สำหรับชิ้นงานที่มีอายุการใช้งานสั้นฯ เพราะสติ๊กเกอร์ความร้อนจะมีผลเกี่ยวกับเรื่องของแสง UV และความร้อน ใช้ในงานที่มีการเคลื่อนไหวของสินค้าเร็ว ประเภทสินค้าบริโภค เช่น ผัก, ผลไม้
    • ผ้าหมึกที่ต้องใช้คู่กับกระดาษ : เป็นวัสดุที่ไม่ต้องใช้ตัวกลางในการพิมพ์ จะใช้ในงานที่มีการเคลื่อนไหวของสินค้าเร็ว ประเภทสินค้าบริโภค เช่น ผัก, ผลไม้

     

     

     

     

     

     

     

    เครื่องพิมพ์บาร์โค้ด แบบ พิมพ์โดยใช้ความร้อน กับ พิมพ์โดยใช้หมึก แตกต่างกันยังไง?
    ความคิดเห็น (0) เครื่องพิมพ์บาร์โค้ด แบบ พิมพ์โดยใช้ความร้อน กับ พิมพ์โดยใช้หมึก แตกต่างกันยังไง?

    Barcode printer สามารถจำแนกได้เป็น 2 ประเภท

    1. Direct Thermal   เป็นเครื่องพิมพ์ที่ไม่ต้องใช้ตัวกลางในการพิมพ์
    2. Thermal Transfer เป็นเครื่องพิมพ์ที่ต้องใช้ตัวกลาง (Ribbon)ในการพิมพ์

    เทคโนโลยีทั้งสองแบบจะใช้หัวพิมพ์ชนิด Flat-Head ซึ่งจะมีแหล่งกำเนิดความร้อนบริเวณปลายของหัวพิมพ์ และโดยทั่วไปหัวพิมพ์จะมีความละเอียดที่ 200 dpi และ 300 dpi

    หมายเหตุ Direct Thermal จะใช้ในงานประเภทสินค้าบริโภค เช่น. อาหาร ผักผลไม้ ระบบThermal Transfer จะใช้กับงานที่ต้องการความคงทนและมีอายุการใช้งานนาน เช่น. เครื่องใช้ไฟฟ้าทรัพย์สิน, อุตสาหกรรมรถยนต์ เป็นต้น แต่จะมีค่าใช้จ่ายด้าน Ribbon

     

    Direct Thermal เป็นเครื่องพิมพ์ที่ไม่ต้องใช้ตัวกลางในการพิมพ์

             เทคโนโลยีการพิมพ์ลงบนกระดาษความร้อน โดยใช้หัวพิมพ์ซึ่งมีตัวกำเนิดความร้อนทำหนาที่ถ่ายเทความร้อนมาที่กระดาษทำ ให้เกิดปฎิกิริยาทางเคมี และทำให้สีที่กระดาษเกิดการเปลี่ยนแปลง ซึ่งสีที่เปลี่ยนนั้นจะขึ้นอยู่กับชนิดของกระดาษด้วย โดยปกติการพิมพ์แบบนี้จะใช้สำหรับชิ้นงานที่มีอายุการใช้งานสั้นฯ เพราะกระดาษความร้อนจะมีผลเกี่ยวกับเรื่องของแสง UV และความร้อน ประเภทสินค้าบริโภค เช่น ผัก, ผลไม้

    • เป็นการสร้างภาพโดยให้ความร้อนบนกระดาษเคลือบสารเคมี บริเวณที่กระดาษถูกความร้อนจะเปลี่ยนเป็นสีดำ
    • ภาพ 2 สี สามารถสร้างได้โดยให้อุณหภูมิของแต่ละสีต่างกัน (โดยส่วนมากเป็นสีแดง)

    ส่วนประกอบของ Direct Thermal



    • ในการพิมพ์ กระดาษเคลือบผิวจะถูกใส่อยู่ระหว่างหัวพิมพ์และลูกกลิ้ง เครื่องพิมพ์ส่งกระแสไฟฟ้าไปที่ตัวตานทานกระแสไฟฟ้าของหัวพิมพ์และเกิดความร้อนกระตุ้นให้เกิดภาพบนกระดาษเคลือบสารเคมี
    • กระดาษเคลือบสารเคมีที่อยู่ในสถานะของแข็ง (สีย้อมและส่วนผสมของตัวกำเนิดภาพ) เมื่อหัวพิมพ์ได้รับความร้อนสารเคลือบจะตอบสนองเปลี่ยนเป็นภาพและเปลี่ยนกลับเป็นของแข็งอย่างรวดเร็ว
    • ตั้งแต่ปี 1990 fax ใช้เทคโนโลยีของ Thermal printers จนถึงศตวรรษที่ 21 มาถูกแทนที่ด้วย thermal wax transfer, laser, inkjet, และการพิมพ์บนกระดาษธรรมดา
    • ในช่วงแรกสารเคลือบที่ใช้บนกระดาษ thermal มีปัญหาในเรื่อง การถลอก การเสียดสี  (อาจเกิดความร้อนทำให้กระดาษดำ)  แสง (ทำให้ภาพจาง)
    • ภาพพิมพ์ไม่เหมาะกับการเก็บไว้ที่อุณหภูมิสูง ไม่ควรเกิน70 องศาเซลเซียส
    • เหมาะสำหรับงานพิมพ์ที่มีอายุการใช้งานสั้นๆ เช่นการจัดส่งสินค้าภายในประเทศหรือติดฉลากผลิตภัณฑ์ที่เก็บไว้ในร่ม

     

    Thermal Transfer เป็นเครื่องพิมพ์ที่ต้องใช้ตัวกลาง (Ribbon) ในการพิมพ์

           เทคโนโลยีการส่งผ่านความร้อนไปยังแผ่นฟิล์ม หมึก(Ribbon) และหมึกก็จะถ่ายทอดไปสู่พื้ผิวหรือกระดาษอีกทีหนึ่ง แผ่นฟิล์มริบบ้อน ที่ใช้นี้จะเป็นแผ่นบางฯ ซึ่งประกอบด้วย wax หรือ wax/resin จะทำหน้าที่เป็นหมึกเมื่อโดนความร้อนก็จะเปลี่ยนเป็นของเหลวและจะมาติดกับ ชิ้นงาน ไม่เหมือนกับ Direct transfer และจะไม่เกิดปฎิกิริยาทางเคมีเหมือนกระดาษความร้อน การพิมพ์โดยใช้ Thermal transfer ใช้กับประเภทสินค้า เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า, ทรัพย์สิน, อุตสาหกรรมรถยนต์ เป็นต้น แต่จะมีค่าใช้จ่ายด้าน Ribbon

     

    • เป็นการสร้างภาพโดยความร้อนจากหัวพิมพ์ถ่ายโอนไปยังริบบอน วัสดุหรือหมึกบนริบบอนจะย้ายไปติดยังวัสดุพิมพ์
    ส่วนประกอบของ Thermal Transfer

     



    ชนิดของสติ๊กเกอร์บาร์โค้ด (Barcode Sticker หรือ Label) แบบ Thermal Transfer 

    • POLY LASER - งานที่มีความร้อน
    • WHITE POLY - งานด้านอิเล็คทรอนิกส์, ทรัพย์สิน
    • BOPP - งานที่มีความเย็น
    • UPO - งานห้องเย็น
    • PP WHITE - งาน JEWELRY
    • LAMINATE - งานเครื่องสำอางค์
    • VOID - งานรับประกันสินค้า
    • TAG - งานโรงหนัง, เสื้อผ้า
    • FOIL - งานทรัพย์สิน, อุตสาหรรมเครื่องยนต์
     
    ระบบของการพิมพ์ เครื่องพิมพ์บาร์โค้ด
    ความคิดเห็น (0) ระบบของการพิมพ์ เครื่องพิมพ์บาร์โค้ด
    เครื่องพิมพ์บาร์โค้ด คือ เครื่องพิมพ์สำหรับพิมพ์บาร์โค้ด โดยลักษณะการทำงานของเครื่องพิมพ์ ใช้ความร้อนในการพิมพ์บาร์โค้ดลงบนสื่อต่างๆ ที่ทำขึ้นมาสำหรับใช้งานกับตัวเครื่องพิมพ์บาร์โค้ดโดยเฉพาะ ซึ่งเครื่องพิมพ์บาร์โค้ดทั่วไป จะมีความละเอียดของหัวพิมพ์น้อยกว่าเครื่องพิมพ์ทั่วไป คือมีความละเอียดของหัวพิมพ์อยู่ระหว่าง 200 - 600 Dpi และพิมพ์ได้เพียง 1 สีเท่านั้น (Monotone) แต่เนื่องจากเครื่องพิมพ์บาร์โค้ด มีความเร็วในการพิมพ์สูง และสามารถพิมพ์บาร์โค้ดออกได้อย่างชัดเจน และเหมาะสมกับการพิมพ์บาร์โค้ดสำหรับติดลงวัตถุ หรือสินค้า จึงนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน
    สติ๊กเกอร์ Thermal Transfer และ Direct Thermal ต่างกันอย่างไร
    ความคิดเห็น (0) สติ๊กเกอร์ Thermal Transfer และ Direct Thermal ต่างกันอย่างไร
    การพิมพ์สติ๊เกอร์แบบ Direct Thermal แต่เดิมนั้นเป็นเทคโนโลยีที่ใช้ในระบบอุตสาหกรรมแบบแคบๆเท่านั้น เช่นอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์, สัตว์ปีกและผลิตภัณฑ์นม อย่างไรก็ตามการพัฒนาในด้านเทคโนโลยีกระดาษความร้อนที่มีความหลากมากยิ่งขึ้นทำให้เหมาะกับอุตสาหกรรมต่างๆ จึงทำให้หลายๆแห่งเปลี่ยนมาใช้ระบบ Thermal Transfer กันอย่างแพร่หลาย ข้อแตกต่างระหว่างการพิมพ์แบบ Thermal Transfer กับ การพิมพ์แบบ Direct Thermal เป็นเพียงขั้นตอนแรกในการประเมินสำหรับการใช้งานในเรื่องคุณสมบัติและฟังก์ชั่นต่างๆ ของทั้งสองระบบนี้