ค้นหา
ไทย
สินค้าตามประเภท
    เมนู ...ปิด
    RSS

    บล็อกโพสต์ของ '2019' 'ธันวาคม'

    S-POS เหมือนหรือแตกต่าง! แต่ละรุ่นต่างกันอย่างไร เหมาะกับร้านประเภทไหน
    ความคิดเห็น (0) S-POS เหมือนหรือแตกต่าง! แต่ละรุ่นต่างกันอย่างไร เหมาะกับร้านประเภทไหน

    เครื่อง POS เป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย เพื่อช่วยให้ร้านค้าขายสินค้าและบริการ ได้สะดวกสบาย คิดเงินไว เช็คสินค้าได้ทันที ซึ่งเครื่อง POS ถูกพัฒนาจากเครื่องคิดเงิน (Cash Register) ให้อยู่ในรูปทรงเหมือนเครื่องคอมพิวเตอร์ ที่มีหน้าจอระบบสัมผัส และมีระบบ POS พร้อมใช้งาน

     

    S-POS POS ALL IN ONE นวัตกรรมใหม่เพื่อ จุดแคชเชียร์ที่สมบูรณ์แบบ
    เครื่องคอมพิวเตอร์จอสัมผัส หรือเครื่องชำระเงิน ณ จุดขาย รองรับได้ทุกโปรแกรมขาย ไม่ว่าจะเป็น โปรแกรมขายสินค้าหน้าร้าน โปรแกรมร้านอาหาร โปรแกรมโรงแรม ฯลฯ ออกแบบมาให้เหมาะกับทุกเค้าท์เตอร์แคชเชียร์ มีหลากหลาย โมเดลให้เลือกใช้ ทั้งแบบ จอมีขอบ แข็งแรงทนทาน จอแบบเพรียวบาง จอแบบติดผนัง รวมไปถึง แบบ 2 จอ ที่สามารถแสดงผลฝั่งลูกค้าได้ มาพร้อมสเปคที่ครบครัน เลือกได้ตั้งแต่สเปกพื้นฐาน ไปจนถึงสเปคสูงสุด เพื่อรองรับการใช้งานที่เร็วกว่า รับประกันสินค้าให้มากถึง 3 ปี การันตีด้วยยอดขายอันดับ 1 ของเครื่องโพส ร้านค้าทั่วไทย

     

    เครื่อง POS แบรนด์เดียวกัน เหมือนหรือแตกต่าง! 

    ขึ้นชื่อว่าเครื่อง POS ลักษณะการทำงานเหมือนกัน แต่ต่างกันที่รูปทรง เทคโนโลยีหน้าจอ ลักษณะการนำไปใช้งาน ซึ่งมีทั้ง 1 จอแสดงผล และ 2 จอแสดงผล ทั้งหมดมี 4 รุ่นหลักๆคือ T310 , T320 plus , T350 และ X200 ซึ่งเราได้จัดทำตารางเปลี่ยนเทียบดังนี้

    เทคโนโลยีหน้าจอ Resistive และ Capacitive ต่างกันยังไง?

    Resistive

     

    เทคโนโลยี Resistive ถือว่าเป็นแบบที่ประหยัดและเหมาะกับการใช้งานประเภทต่างๆ ได้กว้างขวาง เช่นร้านอาหาร ร้านค้าที่ใช้เครื่อง POS งานควบคุมทางด้านอุตสาหกรรม รวมทั้งใช้ในอุปกรณ์พกพา อย่าง PDA, Mobile เป็นต้น Touch Screen แบบ Resistive จะประกอบด้วยเลเยอร์ด้านบนที่ยืดหยุ่น และเลเยอร์ด้านล่างที่อยู่บนพื้นแข็งคั่นระหว่าง 2 เลเยอร์ด้วยเม็ดฉนวนซึ่งทำหน้าที่แยกไม่ให้ด้านใน ของ 2 เลเยอร์สัมผัสกันเพราะด้านในของ 2 เลเยอร์นี้จะเคลือบด้วยสารตัวนำไฟฟ้าที่มีคุณสมบัติ โปร่งแสงในเวลาจะมีการปล่อยกระแสที่เลเยอร์สารตัวนำ และเมื่อคุณกดที่ Touch Screen จะทำให้วงจร 2 เลเยอร์ต่อถึงกัน จากนั้นวงจรควบคุมก็จะคำนวณค่ากระแสไฟฟ้า ซึ่งจะแตกต่างไปตามตำแหน่งที่สัมผัส เมื่อคำนาณค่ากระแสตามแนวตั้งและแนวนอนก็จะำได้ตำแหน่งที่สัมผัสบนหน้าจอ

    จุดแข็งของ Resistive

           ราคาไม่แพง

           สามารถใช้อะไรสัมผัสก็ได้

           หาตำแหน่งที่สัมผัสได้ละเอียด

           กินไฟน้อย

     
     
     
    Capacitive

    เทคโนโลยี Capacitive มีคุณสมบัติที่โดดเด่นทั้งความทนทานความโปร่งแสงมักเป็นที่นิยมใน Application ประเุภท เกมส์ Entertrainment  ATM, Kiosk อุปกรณ์ทางอุตสาหกรรม และ POS โครงสร้างของ Touch Screen แบบ Capacitive นั้นประกอบด้วยแผ่นแก้วเคลือบผิวด้วย อ็อกไซด์ของโลหะแบบโปร่งแสง เมื่อถึงเวลาการใช้งานก็จะมีการป้อนแรงดันไฟฟ้าที่มุมทั้งสี่ของ Touch Screen เพื่อสร้างสนามแม่เหล็กไฟฟ้า ความเข้มสม่ำเสมอตลอดทั่วทั้งแผ่น ผู้ใช้จะต้องใช้นิ้วมือเปล่าๆ สัมผัสที่จอเพื่อดึงกระแสจากแต่ละมุมที่ให้แรงดันตกลง จากนั้นแผงวงจรควบคุมก็จะคำนวณเป็นตำแหน่งที่สัมผัสได้

    จุดแข็งของ Capacitive

           มีความคมชัด

           แสงจากหน้าจอสามารถผ่านออกมาได้ ภาพจึงชัด

           หาตำแหน่งที่สัมผัสได้ละเอียด

     

    สรุป! 

    POS T310 หน้าจอแบบ Resistive สามารถใช้นิ้วสัมผัสเป็นจุดๆ ไม่ต้องใช้เมาส์ในการสั่งงาน โดยมีขนาดหน้าจอ 15 นิ้ว ขอบหน้าจอหน้าป้องกันการตกกระแทกได้
    หน้าจอสามารถปรับได้ถึง 180 องศา ความละเอียดหน้าจอที่ 1024 x 768 มีระบบระบายความร้อนในตัวและสมรรถนะสูง HardDisk ในตัวเครื่องไม่ต้องซื้อเพิ่ม
    รองรับระบบ Windows XP/7/8/10 รองรับเครื่องสแกนบาร์โค้ด , เครื่องพิมพ์ใบเสร็จ , ลิ้นชักเก็บเงิน , เครื่องอ่านบัตร เหมาะสำหรับร้านมินิมาร์ท ร้านเสื้อผ้า ร้านอาหาร ร้านอะไหล่รถยนต์ ใช้งานได้กับทุกร้าน

     

    POS T320 Plus หน้าจอเรียบหรู ดูแพง ไฮโซ จอบางกว่ารุ่น T310 หน้าจอแบบ capacitive เหมือนใช้งานบนหน้าจอมือถือ มีการยืด-ขยาย ด้วย 2 นิ้ว ไม่ต้องใช้เมาส์ในการสั่งงาน
    ขนาดหน้าจอ 15 นิ้ว ความละเอียดหน้าจอที่ 1024 x 768 มีปุ่มเปิด / ปิด หน้าจอทางด้านข้าง มีการอัพเกรด Mainboard Premium มากขึ้นในราคาที่เท่าเดิม รองรับระบบ Windows/ Dos/ Linux รองรับเครื่องสแกนบาร์โค้ด , เครื่องพิมพ์ใบเสร็จ , ลิ้นชักเก็บเงิน , เครื่องอ่านบัตร เหมาะสำหรับร้านเสื้อผ้า ร้านอาหาร ร้านกาแฟ คาเฟ่ ร้านอะไหล่รถยนต์ ร้านขายยา 

     

    POS T350 จอคู่ หน้าจอพนักงาน 15 นิ้ว หน้าจอฝั่งลูกค้า 12 นิ้ว หน้าจอแบบ capacitive เหมือนใช้งานบนหน้าจอมือถือ มีการยืด-ขยาย ด้วย 2 นิ้ว ไม่ต้องใช้เมาส์ในการสั่งงาน ความละเอียดหน้าจอที่ 1024 x 768 มีระบบระบายความร้อนในตัวและสมรรถนะสูง HardDisk ในตัวเครื่องไม่ต้องซื้อเพิ่ม รองรับระบบ Windows XP/7/8/10
    รองรับเครื่องสแกนบาร์โค้ด , เครื่องพิมพ์ใบเสร็จ, ลิ้นชักเก็บเงิน , เครื่องอ่านบัตร เหมาะสำหรับร้านมินิมาร์ท ร้านอาหาร ซูเปอร์มาเก็ต 

     

    POS X200 จอคู่ หน้าจอปกติ 15 นิ้ว หน้าจอฝั่งลูกค้า 12 และ 15 นิ้ว หน้าจอแบบ capacitive เหมือนใช้งานบนหน้าจอมือถือ มีการยืด-ขยาย ด้วย 2 นิ้ว ไม่ต้องใช้เมาส์ในการสั่งงาน ความละเอียดหน้าจอที่ 1024 x 768 มีระบบระบายความร้อนในตัวและสมรรถนะสูง HardDisk ในตัวเครื่องไม่ต้องซื้อเพิ่ม รองรับระบบ Windows XP/7/8/10
    รองรับเครื่องสแกนบาร์โค้ด , เครื่องพิมพ์ใบเสร็จ, ลิ้นชักเก็บเงิน , เครื่องอ่านบัตร 
    เหมาะสำหรับร้านมินิมาร์ท ร้านอาหาร ซูเปอร์มาเก็ต 

     

     

     

    กลยุทธ์เปิดร้านอาหารให้รุ่งและรอด ฉบับมือใหม่
    ความคิดเห็น (0) กลยุทธ์เปิดร้านอาหารให้รุ่งและรอด ฉบับมือใหม่

    สำหรับใครที่กำลังมีไอเดียในใจ อยากจะเปิดธุรกิจอะไรสักอย่างเป็นของตัวเอง “ธุรกิจร้านอาหาร” คงเป็นหนึ่งในตัวเลือกแรกๆ ที่ใครๆ ก็คงอยากทำ ร้านอาหารเป็นธุรกิจที่เติบโตอยู่ตลอดเวลาและยังมีความจำเป็นสำหรับผู้บริโภค เรียกได้ว่าอาจเป็นธุรกิจที่ไม่มีทางล้มหายตายจากง่ายๆ แต่มีการแข่งขันสูงและเปลี่ยนไปตามเทรนด์ของผู้บริโภคในแต่ละยุคสมัยอยู่เสมอ เห็นแบบนี้แล้ว หลายคนคงกังวลว่าจะเริ่มต้นเปิดร้านอาหารอย่างไร ควรวางแผนเตรียมตัวยังไงบ้าง วันนี้ เรามีกลยุทธ์การเปิดร้านอาหารที่จะช่วยให้ทุกคนหมดห่วงและเตรียมตัวเป็นเจ้าของกิจการร้านดังกันได้เลย

     

    1.หาตัวตนที่แตกต่างให้กับร้าน

    เมื่ออยู่ในสนามที่มีการแข่งขันสูง เราต้องรู้ตัวอยู่เสมอว่ากำลังขายอะไรและต้องรู้ใจกลุ่มเป้าหมายของเราเช่นกันว่าพวกเขาชอบอะไร นอกจากการคงมาตรฐานของอาหารให้อร่อยและสดใหม่แล้ว การสร้างความโดดเด่นให้กับร้านของเราก็เป็นเหมือนการสร้างข้อได้เปรียบให้แก่ตัวเอง

    ในสมัยนี้พฤติกรรมของผู้บริโภคไม่ได้ดูกันที่ความอร่อยเพียงอย่างเดียว ยังมีจุดขายอื่นๆ ที่ดึงดูดให้คนสนใจร้านอาหารของเราได้ ทั้งการออกแบบเมนูอาหารให้มีความแปลกใหม่ หาทานได้แค่ที่ร้านของเราเท่านั้น หรือการตกแต่งร้านให้มีเอกลักษณ์ กลายเป็นจุดถ่ายภาพที่ทุกคนจะต้องแชร์ในโลกโซเชียล ถือเป็นการสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ในการมาร้านอาหารให้แก่ลูกค้า และยังสร้างตัวตนให้ลูกค้าจดจำเราได้อีกด้วย

     

    2.ตั้งราคาให้เหมาะสม

    การตั้งราคาอาหารที่ดีต้องดูควบคู่ทั้งต้นทุนในแต่ละเมนูที่เราเสียไป รวมถึงดูว่าผู้บริโภคยินยอมจะจ่ายเงินเพื่ออาหารแต่ละจานมากน้อยแค่ไหน หากตั้งราคาต่ำไปก็อาจได้กำไรน้อย แต่ถ้าตั้งสูงเกินไปอาจกลายเป็นว่าขายได้น้อยเช่นกัน โดยกำไรขั้นต้นของอาหารแต่ละจานควรอยู่ที่ 50-70 เปอร์เซ็นต์ หรืออาจมากกว่านั้น

    ยังมีปัจจัยอื่นๆ ประกอบด้วย ไม่ใช่เพียงแค่ต้นทุนจากวัตถุดิบในเมนู แต่รวมไปถึงทำเลที่ตั้ง การตกแต่งร้าน ค่าใช้จ่ายในการจ้างพนักงาน เป็นต้น อีกหนึ่งจุดสำคัญที่ควรคำนึงถึงคือ กลุ่มเป้าหมายของแต่ละร้านอาจไม่เหมือนกัน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับประเภทอาหารหรือวัตถุประสงค์ของร้านว่าเราต้องการขายให้ใครเป็นหลัก เพราะในท้ายที่สุดแล้ว ลูกค้าบางกลุ่มอาจยินยอมจ่ายเงินในราคาที่สูงกว่าเพื่อวัตถุดิบที่ดีหรือพิเศษกว่าที่อื่นเช่นกัน

     

    3.ทำเลดีมีชัยไปกว่าครึ่ง

    ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจอะไร ทำเลที่ตั้งเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญในการดำเนินธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจร้านอาหารที่เน้นการขายหน้าร้านเป็นหลัก เมื่อร้านอยู่ในจุดที่เข้าถึงได้ง่ายและเดินทางสะดวก ย่อมเป็นทางเลือกอันดับแรกๆ ของลูกค้า ร้านของเราจะประสบความสำเร็จหรือไปได้ไกลแค่ไหน ทำเลของร้านนับว่าเป็นหนึ่งในตัวตัดสินได้เลย

    ทำเลในแต่ละโซนย่อมมีค่าเช่าที่แตกต่างกันไป บางคนอาจมองหาที่ตั้งภายในห้างสรรพสินค้าเพราะเข้าถึงลูกค้าได้มากและหลากหลาย ไม่ต้องกังวลเรื่องที่จอดรถหรือสภาพอากาศ แต่ต้องยอมแลกกับค่าเช่าที่แพงกว่า ในขณะเดียวกันบางคนอาจเลือกทำเลแบบ Stand alone ที่มีราคาถูกกว่า แต่เข้าถึงลูกค้าได้น้อยกว่าและต้องสู้กับสภาพอากาศที่ไม่แน่นอน รวมถึงที่จอดรถซึ่งอาจต้องเสียค่าเช่าที่แยกเพิ่มอีก

    เมื่อเลือกทำเลให้เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าของเราแล้ว หากเราคิดจะเข้าไปทำธุรกิจในย่านนั้น สิ่งที่ไม่ควรลืมคือ การวิเคราะห์คู่แข่งในละแวกเดียวกัน เพราะบางทีเราอาจมีเจ้าถิ่นที่ยอดขายดีเป็นเทน้ำเทท่าอยู่แล้ว เราควรสังเกตยอดขายและวิธีการโปรโมท รวมถึงชื่อเสียงของแต่ละร้าน เพื่อนำมาประเมินว่าเราควรวางแผนการตลาดและรับมือกับอุปสรรคอย่างไร

     

    4.วางแผนการตลาดและโปรโมชั่นให้ดึงดูดใจ

    ปัจจุบันไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคเริ่มมีเทคโนโลยีเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องมากขึ้น การทำการตลาดบนช่องทางออฟไลน์เพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ ช่องทางออนไลน์กลายเป็นช่องทางที่มีบทบาทสำคัญและเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้มากและหลากหลายในคราวเดียว ที่สำคัญยังประหยัดงบประมาณและเริ่มทำได้ทันทีเมื่อร้านของเราพร้อมเปิดตัว

    เมื่อสร้างชื่อให้ผู้คนจดจำและมีเราเป็นตัวเลือกในใจเวลาที่ต้องการหาร้านอาหารได้แล้ว ลองสร้างโปรโมชั่นเพื่อดึงดูดลูกค้าด้วยเมนูใหม่ๆ โปรโมชั่นพิเศษประจำเทศกาล หรือการสะสมแต้มเมื่อทานอาหารครบตามจำนวนเพื่อแลกรับของรางวัล โดยสามารถประชาสัมพันธ์ข้อมูลเหล่านี้ผ่านช่องทางออนไลน์ ประกอบกับออฟไลน์ได้ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ คุณภาพและการบริการที่ดี ที่จะทำให้ลูกค้าส่งต่อประสบการณ์ดีๆ เหล่านี้จนเกิดเป็นการบอกต่อ (Word of mouth) ซึ่งได้ผลดียิ่งกว่าการโปรโมทใดๆ

     

    5.บริหารคนให้มีประสิทธิภาพ

    การเปิดร้านอาหารเป็นเหมือนการทำงานเป็นทีมที่เราไม่ควรละเลยตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่ง ทุกคนล้วนมีความสำคัญไม่ว่าจะพ่อครัวหรือพนักงานเสิร์ฟ เพราะพวกเขาเหล่านี้เป็นเหมือนตัวแทนร้านของเราที่จะสร้างความประทับใจให้แก่ลูกค้าได้

    หน้าที่ของเจ้าของธุรกิจร้านอาหารอย่างเราคือ การวางแผน ควบคุม และติดตามผล เพื่อให้คุณภาพของร้านอาหารดีอยู่เสมอ เลือกเฟ้นทีมงามที่มีดีทั้งฝีมือและทัศนคติ แต่อย่าลืมใส่ใจพนักงานของเราด้วยเช่นกัน สร้างความประทับใจให้กับคนที่เราทำงานด้วยเพื่อให้พวกเขารู้สึกมีความสุขกับการทำงานและพร้อมที่จะลุยงานทุกอย่างได้อย่างเต็มที่

    ขอขอบคุณบทความดีๆจาก https://bit.ly/2XrnMYw

     
    7 สิ่งที่ต้องเตรียมให้พร้อม ก่อนเปิดร้านกาแฟ
    ความคิดเห็น (0) 7 สิ่งที่ต้องเตรียมให้พร้อม ก่อนเปิดร้านกาแฟ
    ธุรกิจร้านกาแฟเป็นธุรกิจในฝันของใครหลายคน แต่สุดท้ายอาจล้มเลิกความตั้งใจไปเพราะกลัวสนามที่มีผู้แข่งขันมากมาย
    เลือกเครื่องพิมพ์บาร์โค้ดอย่างไร? ให้เหมาะกับธุรกิจ
    ความคิดเห็น (0) เลือกเครื่องพิมพ์บาร์โค้ดอย่างไร? ให้เหมาะกับธุรกิจ

    ในปัจจุบัน ประเทศไทยมีการนำเทคโนโลยี “บาร์โค้ด” ทั้งบาร์โค้ดแบบ 1D และ 2D มาประยุกต์ใช้งานกันอย่างแพร่หลาย เพื่อระบุรายละเอียดของสินค้า วัตถุ สิ่งของต่างๆ การติดตามสินทรัพย์ บุคคล รวมถึงการทำธุรกรรมต่างๆ โดยมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตามการเติบโตทางเศรษฐกิจ ทั้งในองค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน และในกลุ่มธุรกิจต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการอุตสาหกรรม ค้าปลีก โรงพยาบาล ธุรกิจขนส่งสินค้า รวมถึงธุรกิจคลังสินค้า เป็นต้น

    เทคโนโลยีบาร์โค้ดทั้ง 1D และ 2D ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายด้วยคุณลักษณะเด่นหลายด้าน อาทิเช่น ความเร็ว ความแม่นยำ ความสะดวกสบาย อีกทั้งช่วยดำเนินงานในธุรกิจต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งในปัจจุบันการดำเนินธุรกิจกำลังเติบโตและก้าวสู่ยุคโลกออนไลน์ โซเชียลมีเดีย และ อีคอมเมิร์ซ มากขึ้นความจำเป็นในการนำบาร์โค้ดมาใช้งานจึงมีอัตราสูงขึ้นด้วย

    ประโยชน์ของการใช้งานบาร์โค้ด

    • มีความรวดเร็วและสามารถอ่านข้อมูลได้อย่างถูกต้องแม่นยำ
    • ช่วยลดขั้นตอนที่ซ้ำซ้อนและประหยัดเวลาการทำงานในกระบวนการการซื้อขายสินค้า การรับชำระเงิน การออกใบเสร็จ และการตัดสต็อกสินค้า เป็นต้น
    • กระบวนการทำงานมีประสิทธิภาพและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและเพิ่มโอกาสใหม่ๆ ในทางธุรกิจ ง่ายต่อการทำงานร่วมกับระบบ POS และการบริหารจัดการสินค้าคงคลังผ่านระบบไอที
    • ยกระดับมาตรฐานการทำงานของธุรกิจ เพื่อให้ตรวจสอบข้อมูลต่างๆ ทำได้อย่างรวดเร็ว ยกระดับศักยภาพการแข่งขันให้กับธุรกิจ เมื่อการตรวจสอบข้อมูลต่างๆ ทำอย่างรวดเร็ว ทำให้รู้ว่าสินค้าชนิดใดได้รับความนิยม และต้องสั่งสินค้าในช่วงเวลาใด จึงจะสอดคล้องกับแผนการตลาด
    • นอกเหนือจากผู้ประกอบการ ลูกค้ายังสามารถได้รับประโยชน์จากกระบวนการทำงานที่รวดเร็วขึ้น ทำให้เกิดความประทับใจในการให้บริการ

    เคล็ดลับการเลือกเครื่องพิมพ์บาร์โค้ดให้เหมาะสมกับธุรกิจในปัจจุบันมีเครื่องพิมพ์บาร์โค้ด ให้เลือกหลายรุ่น หลายระดับราคาให้เลือกใช้งาน โดยผู้ประกอบการต้องเลือกเครื่องพิมพ์ให้เหมาะสมกับรูปแบบธุรกิจ เพราะปัจจัยของการเลือกใช้งานเครื่องพิมพ์ ไม่เพียงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานเท่านั้น แต่ยังเป็นอุปกรณ์ที่สามารถทุ่นแรงในระยะเวลาอันสั้นอีกด้วย นอกจากนี้มีวิธีการนำเสนอวิธีการเลือกใช้เครื่องพิมพ์บาร์โค้ดในแต่ละประเภทให้เหมาะสมกับธุรกิจ ดังนี้

     

    bar2

     

    ประเภทของเครื่องพิมพ์บาร์โค้ด

    • เครื่องพิมพ์บาร์โค้ดตั้งโต๊ะ เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีขนาดเล็ก ดูแลรักษาง่าย เหมาะสมกับผู้ประกอบธุรกิจ SMEs หรือเจ้าของธุรกิจในแวดวงอีคอมเมิร์ซ และร้านค้าปลีกขนาดเล็ก เป็นต้น
    • เครื่องพิมพ์ระดับอุตสาหกรรม เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้พิมพ์ฉลากหรือบาร์โค้ดด้วยความเร็วสูงและความทนทานสูง ผลิตภัณฑ์ประเภทนี้เหมาะกับการใช้งานในโรงงานอุตสาหกรรม ธุรกิจคลังสินค้า และผู้ประกอบการขนส่งสินค้า ที่ต้องพิมพ์ฉลากและบาร์โค้ดจำนวนมากในระยะเวลาอันรวดเร็ว
    • เครื่องพิมพ์บัตรพลาสติก เป็นผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาเพื่อ พิมพ์ข้อความ รูปภาพและบาร์โค้ดลงบนบัตรพลาสติก เช่น บัตรสมาชิกหรือบัตรประจำตัวพนักงาน
    • เครื่องพิมพ์แบบพกพา เป็นผลิตภัณฑ์ที่ถูกทออกแบบให้มีขนาดกะทัดรัด สามารถทำงานแบบไร้สาย และใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ได้
    • เครื่องพิมพ์ RFID เป็นผลิตภัณฑ์ที่ถูกออกแบบเพื่อช่วยเพิ่มความสามารถให้การติดตามแบบเรียลไทม์

     

    การเชื่อมต่อ
    ในปัจจุบัน เราสามารถสั่งพิมพ์บาร์โค้ดได้หลากหลายช่องทาง อาทิ คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ โน้ตบุ๊ก และอุปกรณ์เคลื่อนที่ โดยสามารถเชื่อมต่อผ่านอุปกรณ์ต่างๆ เช่น พอร์ตพริ้นเตอร์ และพอร์ต USB ซึ่งเป็นการสั่งพิมพ์ผ่านระบบเครือข่ายแบบใช้สายและไร้สาย หรือสั่งพิมพ์ไปยังเครื่องพิมพ์บาร์โค้ดแบบพกพาผ่านบลูทูธ เป็นต้น

    สะดวกและง่ายดายในการเปลี่ยนวัสดุสิ้นเปลืองและการบำรุงรักษา
    เครื่องพิมพ์บาร์โค้ดที่ดีจะต้องรองรับประสิทธิภาพของการทำงานที่รวดเร็ว และสามารถเปลี่ยนวัสดุสิ้นเปลืองอย่างม้วนกระดาษความร้อน ริบบอน หรือผ้าหมึก ก็ต้องทำได้อย่างง่ายดาย และรวดเร็วด้วย เพราะเครื่องพิมพ์ที่ออกแบบมาเป็นอย่างดีนั้นจะช่วยให้ผู้ใช้ประจำเคาน์เตอร์สามารถเปลี่ยนวัสดุสิ้นเปลืองได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ธุรกิจสามารถดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่อง ลดเวลาการรอคอยของลูกค้า ซึ่งจะช่วยสร้างความประทับใจในการให้บริการเป็นอย่างดี

    Zebra Technologies ผู้นำเทคโนโลยีบาร์โค้ด

    Zebra Technologies เป็นผู้นำผลิตภัณฑ์และการบริการที่มีความสามารถในการติดตาม ตรวจตราสินทรัพย์ บุคลากร และธุรกรรมต่างๆ ในองค์กรได้แบบเรียลไทม์ อยู่ในฐานะของผู้นำในการคิดค้นนวัตกรรมเทคโนโลยีบาร์โค้ด ทั้งเครื่องอ่าน เครื่องพิมพ์ และโซลูชั่นที่เกี่ยวข้องต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานทั้งในหน่วยงานภาครัฐ และธุรกิจเอกชน มายาวนานมากกว่า 35 ปี ทำให้มีเข้าใจความท้าทายในการใช้งานบาร์โค้ดในธุรกิจต่างๆ เป็นอย่างดี

    ล่าสุด Zebra Technologies มีการออกแบบ GC420 และ GT800 เครื่องพิมพ์บาร์โค้ดที่ออกแบบมาเพื่อผู้ประกอบการธุรกิจ SMEs หรือแม้แต่ร้านค้าออนไลน์ ที่ต้องการเครื่องพิมพ์บาร์โค้ดราคาประหยัด สามารถจัดหามาใช้งานได้ง่าย แต่พร้อมด้วยประสิทธิภาพ ความทนทาน ดูแลรักษาง่าย และเป็นเครื่องพิมพ์บาร์โค้ดที่ออกแบบมาเพื่อผู้ประกอบธุรกิจในภูมิภาคเอเซียโดยเฉพาะ

    bar4

    GC420 เครื่องพิมพ์บาร์โค้ดขนาดกะทัดรัด ราคาแสนประหยัด

    Zebra GC 420 เป็นเครื่องพิมพ์บาร์โค้ดที่มีจุดเด่นคือ มีขนาดเล็กและราคาประหยัด โดยสามารถพิมพ์ตัวอักษรและบาร์โค้ดได้อย่างคมชัดที่ความละเอียด 203 สามารถพิมพ์สติกเกอร์ได้ขนาดความกว้างถึง 4.09 นิ้ว และความยาวได้ถึง 39 นิ้ว และพิมพ์ได้ด้วยความเร็วสูงถึง 4 นิ้วต่อวินาที มาพร้อมกับพอร์ตเชื่อมต่อที่หลากหลายถึง 3 รูปแบบ ได้แก่พอร์ตพริ้นเตอร์ พอร์ตอนุกรม (RS232) รวมถึงพอร์ตยูเอสบี

    bar5

    GT800 เครื่องพิมพ์บาร์โค้ดความเร็วสูงราคาเร้าใจ

     

    Zebra GT800 เป็นเครื่องพิมพ์บาร์โค้ดราคาประหยัดอีกรุ่นที่ถูกออกแบบให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น มีจุดเด่นคือมีขนาดเล็ก และราคาประหยัด พิมพ์ตัวอักษรและบาร์โค้ดได้อย่างคมชัดที่ความละเอียด 203 DPI และพิมพ์ได้ด้วยอัตราเร็วสูงถึง 5 นิ้วต่อวินาที

     

    GT800 สามารถพิมพ์สติกเกอร์หรือใบเสร็จรับเงิน ขนาดความกว้างถึง 4.09 นิ้ว และความยาวได้ถึง 39 นิ้ว ติดตั้งพอร์ตเชื่อมต่อต่างๆ ไว้อย่างครบครับ ได้แก่พอร์ตพริ้นเตอร์ พอร์ตอนุกรม (RS232) และพอร์ตยูเอสบี รวมถึงยังมีออปชั่นเสริมเพื่อให้สามารถเชื่อมต่อเพื่อพิมพ์ผ่านระบบเครือข่ายได้ด้วย

     

     

    ประสิทธิภาพสำหรับผู้ประกอบการทุกระดับ

     

    ทั้ง GC420 และ GT800 มีให้เลือกทั้งรุ่นที่ใช้เทคโนโลยีการพิมพ์แบบการผ่านโอนความร้อนไปยังกระดาษความร้อนโดยตรง โดยไม่ต้องใช้ผ้าหมึก (Direct Thermal) และแบบโอนถ่ายความร้อนผ่านผ้าหมึก (Thermal Transfer) ตัวเครื่องถูกออกแบบให้เป็นลักษณะแบบเปิด ทำให้ง่ายต่อการเปลี่ยนวัสดุสิ้นเปลือง และการบำรุงรักษา รวมถึงมีอุปกรณ์เสริมที่มีประโยชน์อย่างตัวตัดกระดาษอัตโนมัติ ทำให้สามารถใช้งานสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

     

    เครื่องทั้งคู่สามารถพิมพ์ได้ทั้งบาร์โค้ดแบบ 1D และ 2D ไม่ว่าจะเป็น Code39 Code93 Code128 Ean13 Ean8 UPC PDF Maxicode DataMatrix และโค้ดอื่นๆ อีก เหมาะสำหรับหน่วยงานราชการ บริษัท ห้างร้านทั่วไป หรือกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมที่ต้องการพิมพ์บาร์โค้ดหรือสติกเกอร์ติดลงบนตัวสินค้าหรือผลิตภัณฑ์

     

    ทั้ง GC420 และ GT800 ได้รับการออกแบบมาให้ง่ายต่อการใช้งาน ขนาดกะทัดรัด ประหยัดพื้นที่ และมีความทนทานสูง โดยสามารถทนต่ออุณหภูมิได้ตั้งแต่ 5 ถึง 40 องศาเซลเซียส

     

    ความสามารถดังกล่าวทำให้ Zebra GC 420/GT 800 รองรับกับการใช้งานในธุรกิจที่ต้องการประสิทธิภาพและความรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าปลีกขนาดเล็ก คลินิก โรงพยาบาล การขนส่งสินค้า หรือแม้แต่อุตสาหกรรมขนาดเล็ก

     

    ทั้ง GC420 และ GT800 ถือเป็นความมุ่งมั่นของ Zebra Technologies ในการสร้างนวัตกรรมเครื่องพิมพ์บาร์โค้ดที่ตอบรับกับความต้องการของผู้ใช้ในภูมิภาคต่างๆ ของโลกอย่างแท้จริง นอกเหนือจากเครื่องทั้ง 2 รุ่นนี้แล้ว Zebra Technologies ยังมีเครื่องพิมพ์บาร์โค้ดประสิทธิภาพสูงรุ่นอื่นๆ ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับความต้องการที่แตกต่างกันของธุรกิจอีกมากมาย ลองเลือกเครื่องพิมพ์และโซลูชั่นบาร์โค้ดที่เหมาะสม แล้วท่านจะแปลกใจว่าบาร์โค้ดเข้ามาช่วยยกระดับของธุรกิจได้อย่างไม่น่าเชื่อ

    ขอขอบคุณบทความดีๆจากเว็บไซต์ www.enterpriseitpro.net